ประวัติความเป็นมาของภาษา Visual Basic
ภาษา BASIC ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1963 โดย Hohn Keneny และ Thomas Kurtz ที่วิทยาลัย Dartmouth ในเบื้องต้นพวกเขามีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาภาษา Basic ขึ้น เพื่อใช้ในการสอนแนวในการเขียนโปรแกรม โดยเน้นที่รูปแบบง่าย ๆ เพื่อสะดวกในการใช้งาน ในปี 1970 Microsoftได้เริ่มผลิตตัวแปรภาษา Basic ใน Rom ขึ้น เช่น Chip Radio Sheek TRS-80 เป็นต้น ต่อมาได้พัฒนาเป็น GWBasic ซึ่ง เป็น Interpreter ภาษาที่ใช้กับ MS-Dos และในปี 1982 Microsoft QuickBaic ได้รับการพัฒนาขั้นโดยเพิ่มความสามารถในการรันโปรแกรมให้เป็น Executed Program รวมทั้งทำให้ Basicมีความเป็น "Structured Programming" มากขึ้น โดยการตัด Line Number ทิ้งไป เพื่อลบข้อกล่าวหาว่าเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีโครงสร้างในลัก าษณะSpaghetti Code มาใช้รุปแบบของ Subprogram และ User Defined รวมทั้งการใช้ Structured Data Type และการพัฒนาการใช้งานด้านกราฟฟิกให้มีการใช้งานในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการใช้เสียงประกอบได้เหมือนกับภาษาคอมพิวเตอร์อื่น ๆ เช่น Turbo C และ Turbo Pascal เป็นต้น
Visual Basicเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานพัฒนาโปรแกรมบน ระบบ Windows เนื่องจาก เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในลักษณะ Visualizeนั่นก็คือจะสะดวกในการหยิบเครื่องไม้เครื่องมือที่โปรแกรมได้จัด เตรียมไว้ให้สำหรับออกแบบหน้าจอและสิ่งต่าง ๆ สำหรับในการเขียนโปรแกรมให้เรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนเวลาจะออกแบบหน้าจอก็ยังคงต้องมานั่งเขียน Source Code ให้ลำบาก
Visual Basicเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมขึ้นใช้งาน ที่ใช้ได้ตั้งแต่ระดับต้น เพื่อใช้สร้างโปรแกรมง่าย ๆ บน Windows หรือโปรแกรมเมอร์ระดับกลาง ที่จะเรียกใช้ฟังชั่นต่าง ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพ ที่จะพัฒนาโปรแกรมในระดับสูง โดยการใช้ Object Linking and Embedding (OLE) และ Application Programming Interface (API) ของระบบ windows มาประกอบการเขียนโปรแกรม
Visual Basic ทำอะไรได้บ้างภาษา BASIC ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1963 โดย Hohn Keneny และ Thomas Kurtz ที่วิทยาลัย Dartmouth ในเบื้องต้นพวกเขามีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาภาษา Basic ขึ้น เพื่อใช้ในการสอนแนวในการเขียนโปรแกรม โดยเน้นที่รูปแบบง่าย ๆ เพื่อสะดวกในการใช้งาน ในปี 1970 Microsoftได้เริ่มผลิตตัวแปรภาษา Basic ใน Rom ขึ้น เช่น Chip Radio Sheek TRS-80 เป็นต้น ต่อมาได้พัฒนาเป็น GWBasic ซึ่ง เป็น Interpreter ภาษาที่ใช้กับ MS-Dos และในปี 1982 Microsoft QuickBaic ได้รับการพัฒนาขั้นโดยเพิ่มความสามารถในการรันโปรแกรมให้เป็น Executed Program รวมทั้งทำให้ Basicมีความเป็น "Structured Programming" มากขึ้น โดยการตัด Line Number ทิ้งไป เพื่อลบข้อกล่าวหาว่าเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีโครงสร้างในลัก าษณะSpaghetti Code มาใช้รุปแบบของ Subprogram และ User Defined รวมทั้งการใช้ Structured Data Type และการพัฒนาการใช้งานด้านกราฟฟิกให้มีการใช้งานในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการใช้เสียงประกอบได้เหมือนกับภาษาคอมพิวเตอร์อื่น ๆ เช่น Turbo C และ Turbo Pascal เป็นต้น
Visual Basicเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานพัฒนาโปรแกรมบน ระบบ Windows เนื่องจาก เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในลักษณะ Visualizeนั่นก็คือจะสะดวกในการหยิบเครื่องไม้เครื่องมือที่โปรแกรมได้จัด เตรียมไว้ให้สำหรับออกแบบหน้าจอและสิ่งต่าง ๆ สำหรับในการเขียนโปรแกรมให้เรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนเวลาจะออกแบบหน้าจอก็ยังคงต้องมานั่งเขียน Source Code ให้ลำบาก
Visual Basicเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมขึ้นใช้งาน ที่ใช้ได้ตั้งแต่ระดับต้น เพื่อใช้สร้างโปรแกรมง่าย ๆ บน Windows หรือโปรแกรมเมอร์ระดับกลาง ที่จะเรียกใช้ฟังชั่นต่าง ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพ ที่จะพัฒนาโปรแกรมในระดับสูง โดยการใช้ Object Linking and Embedding (OLE) และ Application Programming Interface (API) ของระบบ windows มาประกอบการเขียนโปรแกรม
เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างโปรแกรมต่างๆ เช่น
- โปรแกรมที่รันบนระบบปฏิบัติการ windows เช่น โปรแกรมคำนวณเลข
- โปรแกรมฐานข้อมูล เช่น Microsoft access , Microsoft SQL server
- คอมโพแน้นต์ทางด้าน Active X
- โปรแกรมที่รันบนอินเตอร์เน็ต
ส่วนประกอบของ Visual Basic
โดยทั่วไป เราจะใช้ Project Standard . EXE ซึ่งเป็นการเขียนโปรแกรมที่รันบนวินโดวส์
Project คือ กลุ่มของ File ที่เราจะนำมารวมกันเพื่อสร้างโปรแกรม
รายระเอียดของส่วนประกอบต่างๆ ของหน้าจอ
- Menu bar
- Tool bar
- Tool box
- Project explorer
- Properties window
- Form
- การออกแบบหน้าจอของโปรแกรม เป็นส่วนที่ใช้ติดต่อกับผู้ใช้ เรียกว่า ยูสเซอร์อินเตอร์เฟส : user interface
- การเขียนโปรแกรม เป็นการกำหนดคุณสมบัติของคอนโทรล บนฟอร์มให้เหมาะสม และเขียนคำสั่งตอบสนองอีเว็นต์
การออกแบบหน้าจอของโปรแกรมด้วยคอนโทรล
คอนโทรล (Control) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบคอนโทรลที่เป็นพื้นฐานเท็กบ็อกซ์ text box ใช้รับข้อมูลจากผู้ใช้
เลเบล (Label) ใช้แสดงข้อมูลบางอย่างแก่ผู้ใช้
ปุ่มคำสั่ง (Command button) ให้ผู้ใช้คลิกเมาส์เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานบางอย่าง
คุณสมบัติ (Properties) คือ ลักษณะต่างๆ ของคอนโทรลที่ถูกนำมาวางบนฟอร์ม ที่เราสามารถกำหนดได้เช่น ข้อความที่ปรากฏบนคอนโทรล , รูปแบบฟอนต์
- เท็กบ็อกซ์ text box มีคุณสมบัติ text ที่ใช้กำหนดข้อความที่จะแสดง
- เลเบล (Label) มีคุณสมบัติ Caption ที่ใช้กำหนดข้อความที่จะแสดง
- ปุ่มคำสั่ง (Command button) มีคุณสมบัติ caption ที่ใช้กำหนดข้อความที่จะแสดง
ส่วนประกอบของโปรแกรม Visual Basic 6
ส่วนประกอบ
|
รายละเอียด
|
Form | เป็นส่วนที่ใช้สำหรับจอภาพของโปรแกรมขึ้นใช้งาน โดยจะทำหน้าที่เป็น Background ขอจอภาพ |
Toolbox | เป็นส่วนที่ประกอบด้วย Icon ต่าง ๆ หรือ ที่เรียกว่า Control ที่จะนำไปใช้งานโดยการนำไปวางบน Form |
Toolbar | เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาโปรแกรม หรือเป็นเครื่องมือที่มีการเรียกใช้บ่อย ๆ |
Project Explorer Window | เป็นส่วนที่ใช้สำหรับเรียก Form ต่าง ๆ ขึ้นมาแก้ไข ในกรณีที่มี Form มากกว่า 1 Form |
Properties Window | เป็นจอภาพที่ใช้กำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ของ Project ที่เราได้ออกแบบไว้เพื่อให้ทำงานตามความต้องการ |
Form Layout Window | ใช้สำหรับกำหนดตำแหน่งของ Form ที่จะให้แสดงอยู่ในจอภาพเมื่อทำการ Run |
1. Standard Toolbars เป็นทูลบาร์มาตรฐานประกอบด้วยคำสั่งที่เกี่ยวกับการจัดการ Project
2. Edit Toolbars เป็นทูลบาร์ที่ประกอบไปด้วยคำสั่งที่ใช้สำหรับช่วยในการเขียนโค้ดใน code editor
3. Debug Toolbars เป็นทูลบาร์ที่ประกอบไปด้วยคำสั่งที่ใช้สำหรับตรวจสอบการทำงานการประมวลผลโปรแกรม
4. Form Editor Toolbars เป็นทูลบาร์ที่ประกอบไปด้วยคำสั่งที่ใช้สำหรับช่วยในการปรับขนาด, ย้าย, เปลี่ยนตำแหน่งคอนโทรลต่าง ๆ ที่อยู่บนฟอร์ม
ไอคอน
|
ชื่อ
|
รายละเอียดการใช้งาน
|
Add Standard EXE Project | ใช้สำหรับเปิด Project ใหม่ เพื่อออกแบบ Program ตามที่ต้องการ | |
Add Form | ใช้ในการเพิ่ม Form เข้าไปไว้ใน Project ที่มีการใช้งานมากกว่าหนึ่ง Form | |
Menu Editor | ใช้เรียก Menu Editor ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้ในการสร้าง Menu ให้กับ Form | |
Open | ใช้สำหรับเรียก Project งานที่ได้บันทึกมาก่อนหน้าแล้ว | |
Save | ใช้ในการบันทึก Project ที่ได้สร้างขึ้นมา | |
Cut | ใช้สำหรับตัด Object ต่าง ๆ ที่อยู่บน Form เพื่อนำไปใช้งานตามที่ต้องการ | |
Copy | ใช้สำหรับ Copy Object บน Form | |
Paste | ใช้สำหรับ Paste Object ที่ได้ทำการ Cut หรือ Copy ไว้ | |
Find | ใช้สำหรับค้นหาคำใน Editor ซึ่งใช้ในกรณีที่มีการเขียนคำสั่งใน Form Editor | |
Undo Typing | ใช้สำหรับยกเลิกคำที่พิมพ์ใน Editor ใน Form Editor | |
Redo Typing | ใช้สำหรับทำซ้ำคำที่พิมพ์ใน Editor | |
Start | ใช้สำหรับ Run Project ที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อดูผลลัพธ์ก่อนการนำไปใช้งานต่อไป | |
Break | ใช้สำหรับหยุดการทำงาน Project ชั่วคราว | |
End | ใช้สำหรับหยุดหรือยกเลิกการ Run Project | |
Project Explorer | ใช้แสดงคุณสมบัติหรือว่ารายละเอียดของ Project ว่าประกอบไปด้วย Form หรือว่า Module ใดบ้าง | |
Project Window | ใช้สำหรับกำหนดคุณสมบัติของ Project และ Form | |
Form Layout window | ใช้สำหรับเรียกจอภาพ Form Layout ซึ่งใช้แสดงตำแหน่งของ Form บนหน้าจอ | |
Object Browser | ใช้สำหรับเรียกจอภาพ Object Browser ซึ่งใช้แสดง Class และสมาชิกของแต่ละ Class | |
Tool Box | ใช้สำหรับเรียก Tool Boxขึ้นมาบนจอภาพ | |
ตำแหน่งของ Form | ใช้บอกตำแหน่งในแกน x และ y ของ Form | |
ขนาดของ Form | ใช้บอกถึงขนาดของ Form ตามแนวแกน x และ y |
Toolbox คือ แถบสัญลักษณ์ Controls ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ แบ่ง เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. คอนโทรลภายใน (Intrinsic controls) เป็นชุดคอนโทรลมาตรฐานของ Visual Basic ทุก ๆ ครั้งที่มีการเรียกใช้ Form เพื่อสร้างโปรแกรมประยุกต์ คอลโทรลชุดนี้จะถูกเรียกขึ้นมาอัตโนมัติ สามารถเลือกใช้งานคอลโทรลกลุ่มนี้ได้ทันที
1. คอนโทรลภายใน (Intrinsic controls) เป็นชุดคอนโทรลมาตรฐานของ Visual Basic ทุก ๆ ครั้งที่มีการเรียกใช้ Form เพื่อสร้างโปรแกรมประยุกต์ คอลโทรลชุดนี้จะถูกเรียกขึ้นมาอัตโนมัติ สามารถเลือกใช้งานคอลโทรลกลุ่มนี้ได้ทันที
ไอคอน
|
ชื่อตัว Control
|
ชื่อ Class
|
คำอธิบาย
|
Check box | CheckBox | ใช้กับการเลือกแบบ ถูก/ผิด ( True/False, Yes/No) | |
Combo box | ComboBox | เป็นตัว control เป็นการผสมระหว่าง Text box กับ List box ซึ่งจะปรากฏรายการ เมื่อมีการคลิกลูกศร และ Combo box ไม่สนับสนุนการเลือกแบบหลายค่า | |
Command button | CommandButton | ปุ่มคำสั่งเป็นตัว control ทีใช้ในทุกฟอร์ม ตามปกติจะเขียนคำสั่งใน Click event procedure ของตัว control นี้ | |
Data | Data | เป็นตัว control ที่สามารถรวมข้อมูลกับฐานข้อมูลได้ และเป็นส่วนที่ Visual Basic ให้ผู้ใช้สามารถติดต่อระหว่างตัว control บนฟอร์มกับฟิลด์ใน table ของฐานข้อมูล โดย Data จะทำงานกับ Database Jet ของฐานข้อมูล แต่ไม่สามารถทำงานกับ ActiveX Data Object (ADO) ได้ | |
Directory List box | DirListBox | เป็น List box แบบหนึ่ง ที่แสดงไดเรคทอรีและพาร์ทที่เลือก | |
Drive List box | DriveListBox | คล้ายกับ Combo box ที่ใช้เลือกชื่อของไดร์ฟในระบบ | |
File list box | FileListBox | เป็น List box ชนิดพิเศษที่ใช้แสดงชื่อไฟล์ในไดเรคทอรี | |
Frame | Frame | สามารถใช้เป็น container สำหรับตัว control อื่น | |
Horizontal และ Vertical Scroll Bar | HScrollBar และ VScrollBar | ใช้เป็นแถบเลื่อนแบบ stand-alone แต่มักจะไม่ค่อยมีการใช้ เพราะตัว control อื่น ๆ ส่วนใหญ่ จะมีแถบเลื่อนของตัวเอง | |
Image | Image | เป็นตัว control ใช้เก็บภาพคล้ายกับ Picture box แต่ไม่สามารถทำงานแบบ container ได้ Image มีข้อดีที่ใช้ทรัพยากรของระบบน้อยกว่า Picture box | |
Label | Label | เป็นตัว control ที่ใช้แสดงข้อความ หรือป้ายชื่อ | |
Line | Line | เป็นตัว control ใช้สำหรับการตกแต่งด้านกราฟฟิก | |
List box | ListBox | เป็นตัว control ที่เก็บรายการของค่า และให้ผู้ใช้เลือก ซึ่งสามารถเป็นการเลือกค่าเดียวหรือหลายค่า ขึ้นกับการกำหนดคุณสมบัติ MultiSelect | |
OLE container | OLE | เป็นตัว control ที่สามารถเป็น Host window ให้กับโปรแกรมภายนอก เช่น Microsoft Excel หรืออาจจะกล่าวว่าเป็นการสร้าง window ให้กับโปรแกรมอื่นบนโปรแกรมประยุกต์ Visual Basic | |
Option button | OptionButton | เป็นตัว control ใช้กับกลุ่มตัว control โดยให้เลือกได้เพียงตัว control เดียวต่อครั้งหนึ่ง เมื่อมีการเลือกตัว control ในกลุ่มแล้ว ตัว control อื่นในกลุ่มจะเปลี่ยนจากการเลือกโดยอัตโนมัติ | |
Picture box | PictureBox | ใช้แสดงภาพในฟอร์แมต BMP, DIB (bitmap), ไอคอน (ico), WMF (metafile), GIF และ JPEG เป็นต้น | |
Shape | Shape | เป็นตัว control ใช้สำหรับการตกแต่งด้านกราฟฟิก | |
Text box | TextBox | เป็นตัว control ที่เป็นฟิลด์ ใช้เก็บตัวอักษรที่สามารถแก้ไขโดยผู้ใช้ได้ และได้รับการใช้งานมาก | |
Timer | Timer | เป็นตัว control พิเศษที่ไม่เห็นเมื่อเวลาเรียกใช้ เป็นตัวจัดการและควบคุมที่เกี่ยวกับเวลา |
Form Designer
เป็นส่วนที่ใช้ออกแบบการแสดงผลส่วนที่ใช้ติดต่อกับผู้ใช้ ฟอร์มเป็นออบเจ็กต์แรกที่ถูกเตรียมไว้ให้ใช้งาน คอลโทรลทุกตัวที่ต้องการใช้งานจะต้องนำไปบรรจุไว้ในฟอร์ม นำคอลโทรลมาประกอบกันขึ้นเป็นโปรแกรมประยุกต์ ทุกครั้งที่เปิด Visual Basic ขึ้นมา หรือ สร้าง Project ใหม่จะมีฟอร์มว่าง 1 ฟอร์มถูกสร้างเตรียมไว้เสมอ
เป็นส่วนที่ใช้ออกแบบการแสดงผลส่วนที่ใช้ติดต่อกับผู้ใช้ ฟอร์มเป็นออบเจ็กต์แรกที่ถูกเตรียมไว้ให้ใช้งาน คอลโทรลทุกตัวที่ต้องการใช้งานจะต้องนำไปบรรจุไว้ในฟอร์ม นำคอลโทรลมาประกอบกันขึ้นเป็นโปรแกรมประยุกต์ ทุกครั้งที่เปิด Visual Basic ขึ้นมา หรือ สร้าง Project ใหม่จะมีฟอร์มว่าง 1 ฟอร์มถูกสร้างเตรียมไว้เสมอ
Project Explorer
Project Explorer ใช้สำหรับบริหารและจัดการโปรเจ็กซ์ โดยจะแสดงองค์ประกอบของแต่ละโปรเจ็กต์แบบโครงร่างต้นไม้ (tree-view)ตัวโปรเจ็กตจะหมายถึงโปรแกรมประยุกต์ซึ่งจะอยู่ส่วนบนสุด ถัดมา จะแสดงส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรเจ็กต์นั้น ๆ ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น ฟอร์มโมดูล รายงาน เป็นต้น ถ้ามี 2 โปรเจ็กต์ขึ้นไป ก็จะแสดงแยกออกเป็นส่วนต่างหากอีกโปรเจ็กต์ ถ้าต้องการใช้งานส่วนใด ของโปรเจ็กต์ไหนก็สามารถคลิ๊กเลือกได้ทันที
Project Explorer ใช้สำหรับบริหารและจัดการโปรเจ็กซ์ โดยจะแสดงองค์ประกอบของแต่ละโปรเจ็กต์แบบโครงร่างต้นไม้ (tree-view)ตัวโปรเจ็กตจะหมายถึงโปรแกรมประยุกต์ซึ่งจะอยู่ส่วนบนสุด ถัดมา จะแสดงส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรเจ็กต์นั้น ๆ ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น ฟอร์มโมดูล รายงาน เป็นต้น ถ้ามี 2 โปรเจ็กต์ขึ้นไป ก็จะแสดงแยกออกเป็นส่วนต่างหากอีกโปรเจ็กต์ ถ้าต้องการใช้งานส่วนใด ของโปรเจ็กต์ไหนก็สามารถคลิ๊กเลือกได้ทันที
Project Explorer แบบโปรเจ็กต์เดียว และ แบบหลายโปรเจ็กต์
ส่วนประกอบของโปรเจ็กต์
Project (n) | คือโปรแกรมประยุกต์ที่พัฒนาอยู่ มีนามสกุล .vbp |
Form (n) .frm | เป็นฟอร์มที่มีอยู่ในโปรเจ็กต์นั้น ๆ ใน 1 โปรเจ็กต์อาจมีมากกว่า 1 ฟอร์มก็ได้ มีนามสกุล |
Modules | เป็นที่เก็บชุดคำสั่งที่คุณเขียนขึ้นมา โดยจะเก็บชุดคำสั่งที่ใช้บ่อย ๆมีนามสกุล .bas |
Class Modules | เป็นโมดูลชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นอ๊อบเจ็กต์ ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ จะมีนามสกุล .cls |
User controls | เป็นส่วนที่เก็บคอนโทรล ActiveX ที่คุณสร้างขึ้นมา มีนามสกุล .ctl |
Designers | เป็นส่วนของรายงานที่ถูกสร้างขึ้นมีนามสกุลเป็น .dsr |
หน้าต่างคุณสมบัติเป็นส่วนที่ใช้กำหนดคุณสมบัติของออบเจ็กต์ที่ถูกเลือก (adtive) หรือได้รับความสนใจ (focus) อยู่ขณะนั้น ซึ่งสามารถที่จะปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ ของคอลโทรลเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและตรงกับความต้องการใช้งานได้ทันที
ในหน้าต่างคุณสมบัติ จะประกอบไปด้วยแท็ป 2 แท็ป คือ
1. แท็ป Alphabetic เป็นแท็ปที่แสดงรายการคุณสมบัติ เรียงตามตัวอักษรในภาษาอังกฤษ
2. แท็ป Categorized เป็นแท็ปที่แสดงรายการคุณสมบัติ โดยการจัดกลุ่มของคุณสมบัติที่มีหน้าที่คล้ายกัน
หน้าต่าง Form Layout
เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นตำแหน่งของฟอร์ม และสามารถกำหนดตำแหน่งของฟอร์ม ที่ปรากฎบนจอภาพในขณะประมวลผลได้ โดยการเคลื่อนย้ายฟอร์มจำลอง ที่อยู่ในจอภาพจำลองด้วยการ drag เมาส์ ไปยังตำแหน่งทีคุณต้องการ โดยจะมีผลในขณะประมวลผลเท่านั้น
Immediate Window
เป็นหน้าต่างที่ให้ประโยชน์ ในกรณีทีคุณต้องการทราบผล การประมวลผลโดยทันที เช่น การทดสอบโปรแกรมย่อยต่าง ๆ เป็นต้น เมื่อคุณสั่งประมวลผลโปรเจ็กต์ หน้าต่างนี้จะปรากฎขึ้นโดยอัตโนมัติ
หน้าต่าง New Project
หน้าต่าง New Project จะปรากฎขึ้นมาเมื่อเลือกเมนู File/New Project กรอบโต้ตอบนี้ จะแสดงชนิดของโปรแกรมประยุกต์ ที่คุณต้องการพัฒนา ซึ่งจะคล้ายกับตอนที่เปิดโปรแกรม Visual Basic ขึ้นมาครั้งแรก
หน้าต่าง Code Editor
เป็นส่วนที่ใช้ในการเขียนชุดคำสั่งสำหรับการประมวลผล และควบคุมการทำงานของคอลโทรล ต่าง ๆ
1. แท็ป Alphabetic เป็นแท็ปที่แสดงรายการคุณสมบัติ เรียงตามตัวอักษรในภาษาอังกฤษ
2. แท็ป Categorized เป็นแท็ปที่แสดงรายการคุณสมบัติ โดยการจัดกลุ่มของคุณสมบัติที่มีหน้าที่คล้ายกัน
หน้าต่าง Form Layout
เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นตำแหน่งของฟอร์ม และสามารถกำหนดตำแหน่งของฟอร์ม ที่ปรากฎบนจอภาพในขณะประมวลผลได้ โดยการเคลื่อนย้ายฟอร์มจำลอง ที่อยู่ในจอภาพจำลองด้วยการ drag เมาส์ ไปยังตำแหน่งทีคุณต้องการ โดยจะมีผลในขณะประมวลผลเท่านั้น
Immediate Window
เป็นหน้าต่างที่ให้ประโยชน์ ในกรณีทีคุณต้องการทราบผล การประมวลผลโดยทันที เช่น การทดสอบโปรแกรมย่อยต่าง ๆ เป็นต้น เมื่อคุณสั่งประมวลผลโปรเจ็กต์ หน้าต่างนี้จะปรากฎขึ้นโดยอัตโนมัติ
หน้าต่าง New Project
หน้าต่าง New Project จะปรากฎขึ้นมาเมื่อเลือกเมนู File/New Project กรอบโต้ตอบนี้ จะแสดงชนิดของโปรแกรมประยุกต์ ที่คุณต้องการพัฒนา ซึ่งจะคล้ายกับตอนที่เปิดโปรแกรม Visual Basic ขึ้นมาครั้งแรก
หน้าต่าง Code Editor
เป็นส่วนที่ใช้ในการเขียนชุดคำสั่งสำหรับการประมวลผล และควบคุมการทำงานของคอลโทรล ต่าง ๆ
การสร้างฟอร์ม Visual Basic Project
วิธีการ
1. คลิกที่เมนู File >> New Project
2. เลือก Standard EXE
3. 3.คลิกปุ่ม Open
ตัวอย่างหน้าจอ
Form Design Window
4. คลิกเลือก Control Label
5. คลิกค้างไว้แล้วลากทแยงมุมให้ได้ความกว้างที่ต้องการ แล้วปล่อย บน Form
6. กำหนดคุณสมบัติ ของ Caption “ กรุณาพิมพ์ชื่อ”
7. ตั้งชื่อให้กับ Control Label ใหม่ว่า lbl_name
**การตั้งชื่อคอนโทรล ควรคำนึงถึงดังนี้8. สร้างออปเจ็กต์ให้ครบตามที่ต้องการ
9. ทดสอบโปรแกรมคลิกที่ไอคอน
1. ห้ามเว้นวรรค
2. ต้องเริ่มต้นด้วยตัวอักษรเท่านั้น
3. มีความยาวได้ไม่เกิน 40 ตัวอักษร
4. สามารถใช้ตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมาย
UnderScore(_) ในการตั้งชื่อคอนโทรลได้
การบันทึกฟอร์มและโปรเจ็กต์
วิธีการ
1. คลิกที่เมนู File >> Save Project
2. เลือกตำแหน่งที่เก็บไฟล์
3. ตั้งชื่อ Form
4. คลิกปุ่ม Save
เมื่อบันทึกฟอร์มเสร็จแล้ว โปรแกรมจะให้บันทึกโปรเจ็กต์ต่อ
5. ตั้งชื่อ Project
6. คลิกปุ่ม Save
* การตั้งชื่อควรใช้ภาษาอังกฤษ
การเปิดและแก้ไข
วิธีการ
1. คลิกที่เมนู File >> Open Project
2. เลือกหาตำแหน่งที่เก็บไฟล์
3. เลือกไฟล์ โปรเจ็กต์
4. คลิกปุ่ม Open
5. ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อฟอร์มที่ต้องการเปิด บริเวณ Project Explorer
การเพิ่มฟอร์ม
วิธีการ คลิกที่ทูลบาร์ เลือก Form
การลบฟอร์ม
วิธีการ ที่ Project Explorer
1. คลิกขวาบริเวณชื่อฟอร์มที่ต้องการลบ
2. เลือก Remove Form (n)
การใช้ Control
1. คลิกที่ Control ที่ต้องการ ใน Toolbox
2. เลื่อนเมาส์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการวาด Control นั้น แล้วคลิกเมาส์ค้างไว้แล้วก็ลากเมาส์ในรูปแบบทแยงมุม ตามต้องการ แล้วก็เลิกคลิกค้าง หลังจากนั้นก็จะปรากฎรูปของ Object ที่เราสร้างขึ้น
ตัวอย่าง ในตัวอย่างนี้เราจะมาลองวาด Control Command Button บน Form เพื่อใช้ติดต่อกับผู้ใช้
1. เมื่อเปิด File ใหม่ขึ้นมาแล้วเราจะพบกับ Form เปล่า ๆ
2. แล้วทำการ Click ที่ Object Command Button ต่อจากนั้นเราก็นำมาวาดลงบน Form
3. เราจะได้ Command Button ที่มีขนาด 1815 x 495
การกำหนด Property ให้กับ Object |
ซึ่งเราสามารถที่จะนำมารวมไว้ในโปรแกรมเดียวกันตามที่เราต้องการได้
การกำหนด Property ให้กับ Object ทำได้ 2 วิธี คือ
1. Click ที่ Object หรือ Form ที่ต้องการกำหนด Property จะปรากฎจุดสี่เหลี่ยมล้อมรอบ Object นั้น ยกเว้น Form ซึ่งจะมองไม่เห็นจุดดังกล่าว Click ปุ่มขวาจะปรากฎเมนูขึ้นบนจอภาพ ให้เลือกเมนู Property
2. เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่ Object หรือ Form จนมีจุดล้อมรอบ แล้วให้กด F4 จะปรากฎจอภาพสำหรับกำหนด Property ของ Form
Control และ Property
Control มาตรฐานที่ปรากฎอยู่ Toolbar จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละ Control จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังมี คุณสมบัติที่เหมือนกันอยู่ ซึ่งได้แก่ Property "Caption" ของ Object "Label" และ "Command Button" ต่างก็มีหน้าที่กำหนดข้อความบน Object นั้น ๆ
Label เป็น Control ที่ใช้สำหรับเขียนข้อความบนจอภาพ ซึ่งมี Property ต่าง ๆ ดังนี้
Property |
ความหมาย
|
Caption | ใช้กำหนดข้อความให้แสดงบน Object |
Font | ใช้กำหนดรูปแบบของตัวอักษรของ Object |
Fore Color | ใช้กำหนดสีของตัวอักษร |
Alignment | ใช้กำหนดรูปแบบในการแสดงผลของข้อความที่กำหนดใน Property "Caption" |
Back Color | ใช้กำหนด ฉากหลัง |
TextBox เป็น Control ที่ใช้สำหรับรับข้อมูลจาก Keyboard ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
Property |
หน้าที่การทำงาน
|
Text | ใช้สำหรับรับข้อมูลทางแป้น Keyboard และทำการแสดงผลออกทางจอภาพ |
Width | ใช้กำหนดความยาวของ Object |
Height | ใช้กำหนดความสูงของ Object |
Left | ใช้กำหนดตำแหน่งเริ่มต้นของ Object ในแกน X |
Top | ใช้กำหนดตำแหน่งเริ่มต้นของ Object ในแกน Y |
MaxLength | ใช้กำหนดจำนวนคตัวอักษรสูงสุดที่จะรับได้ใน Object |
MultiLine | เป็นข้อมูลชนิดตรรกะ ซึ่งจะมีค่าเป็น จริง (True) หรือ เท็จ (False) |
Property |
หน้าที่การทำงาน
|
Enable | ใช้กำหนด Object นั้น ๆ ให้ทำงานตามคำสั่งที่ได้กำหนดไว้ เช่น True คือ ให้ทำงาน ถ้าเป็น False ก็ไม่ทำงาน |
Default | การกำหนดปุ่มที่เราได้สร้างขึ้นมาเป็นปุ่มแรกในการเลือกการทำงาน |
ToolTipText | ใช้แสดงข้อความอธิบายเมื่อเม้าส์ไปชี้ในบริเวณที่กำหนดไว้ |
Picture | ใช้แสดงรูปภาพบนปุ่ม |
Style | ใช้กำหนดรูปแบบของปุ่ม ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ 1. Standard คือ ปุ่มที่มีเฉพาะข้อความเท่านั้น 2. Graphical คือ ปุ่มที่สามารถเพิ่มเติมรูปภาพไว้บนปุ่มได้ โดยจะทำงานคู่กับ Property "Picture" |
TabIndex | ใช้กำหนดลำดับการทำงานของ Object |
รู้จักกับตัวแปร
ตัวแปรมีหน้าที่เก็บข้อมูลในการทำงานของโปรแกรมไว้เป็นการชั่วคราว ตัวแปรที่กำหนดขึ้นจะต้องประกอบด้วยชื่อและชนิดของข้อมูล (Data Type) ที่ตัวแปรเก็บได้Visual Basic ได้แบ่งข้อมูลออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
ประเภทของตัวแปร |
สัญลักษณ์
|
เนื้อที่ ที่ใช้งาน
|
ขอบเขตของค่าที่รับได้
|
Byte |
ไม่มี
| 1 Byte | 0 -255 |
Bolean |
ไม่มี
| 2 Byte | True หรือ False |
String (จำกัดความยาว) |
$
| 10 Byte + ความยาวของข้อมูล | 0 - 2 พันล้านตัวอักษรโดยประมาณ |
String (ไม่จำกัดความยาว) |
$
| ความยาวของข้อความ | 1 - 65400 ตัวอักษรโดยประมาณ |
Integer |
%
| 2 Byte | - 32768 ถึง + 32767 |
Long |
&
| 4 Byte | -2147483648 ถึง + 2147483647 |
Single |
!
| 4 Byte | -3402823E+38 ถึง -1401298e+45 และ +1401298E-45 ถึง -3402823E+38 |
Double |
#
| 8 Byte | -494065645841247E-324 ถึง 179769313486232E308 สำหรับจำนวนบวก |
Currency |
@
| 8 Byte | -9223372036854775808 ถึง 9223372036584775807 |
Variant (เก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลข) |
-
| 16 Byte | ขนาดเท่ากับ Double |
Variant (เก็บข้อมูลที่เป็นข้อความ) |
-
| 22 Byte + ความยาวของข้อความ | ขนาดเท่ากับ String แบบไม่จำกัดความยาว |
Date |
ไม่มี
| 8 Byte | January 1100 ถึง December 319999 |
Object |
ไม่มี
| 4 Byte | Object ใด ๆ |
1. String | ใช้เก็บข้อความต่าง ๆ หรือชุดตัวเลขในรูปแบบข้อความ |
2. Integer และ Long | ใช้เก็บค่าของตัวเลขจำนวนเต็ม ซึ่ง Long จะเก็บค่าตัวเลขที่มีขนาดใหญ่ |
3. Single และ Double | ใช้เก็บค่าของตัวเลขจำนวนจริง ซึ่ง Double จะเก็บค่าจำวนจริงที่มีขนาดใหญ่ |
4. Currency | ใช้เก็บค่าตัวเลขที่เป็นจำนวนเงิน |
5. Variant | ใช้เก็บค่าอะไรก็ได้ โดยจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะของข้อมูลที่มันจัดเก็บ |
6. Boolean | ใช้เก็บค่าทางตรรกะ ที่มีค่าเป็น True หรือ False |
7. Date | ใช้เก็บค่าที่เป็นข้อมูลในรูปแบบ วันที่ |
8. Object | ใช้อ้างถึง Object ใด ๆ |
9. Byte | ใช้เก็บข้อมูลในรูปแบบ Binary |
การ Declare ค่าตัวแปร การ Declare ค่าตัวแปร ใน visual Basic นั้น ทำได้ 2 วิธี คือ |
1. Explicit Declaration กำหนดตัวแปรโดยใช้คำสั่ง
Dim varname [AS type] [,varname [As type]]... |
โดยที่ Varname หมายถึง ชื่อตัวแปร
Type หมายถึง ประเภทข้อมูล
การกำหนดลักษณะนี้ สามารถกำหนดได้ทั้งในส่วน General และต้นโปรแกรมของแต่ละ Procedure หรือฟังชัน แต่ทั้ง 2 วิธีจะมีข้อแตกต่างกันคือ ตัวแปรที่ Declare ไว้ในส่วน General จะเป็นตัวแปรส่วน
กลางที่ Procedure หรือฟังชันต่าง ๆ ภายใน Form เดียวกันสามารถใช้งานได้ แต่กรณีที่ Declare ไว้ใน Procedure หรือฟังชัน ตัวแปรที่ Declare ไว้ จะใช้ได้ภายใน Procedure หรือฟังก์ชันที่มีการ Declare
ตัวแปรนั้นไว้เท่านั้น
ตัวอย่าง
Dim Number As Double หมายความว่า กำหนดให้ตัวแปรชื่อ Number เป็นรูปแบบ ทศนิยม
Dim N As String หมายความว่า กำหนดให้ตัวแปรชื่อ N เป็นรูปแบบ ตัวอักษร
Dim Point As Double, Grade As Integer หมายความว่า กำหนดให้ตัวแปรชื่อ point เป็นแบบเลขทศนิยม และ ตัวแปรชื่อ Grade เป็นแบบจำนวนเต็ม
2. Implicit Declaration การกำหนดประเภทของตัวแปรจะทำในรูป
varname<Type Identifier> |
เช่น Unit!, Price@ เป็นต้น ซึ่งการกำหนดตัวแปรประเภทนี้ ตัวแปรจะเขียนในลักษณะแบบนี้ตลอดการใช้งานใน Procedure นั้น และจะถือว่าเป็นตัวแปรที่ถูกกำหนดให้ใช้งานเฉพาะใน Procedure หรือฟังชันนั้นเท่านั้น
<<< กฎการตั้งชื่อตัวแปร >>>
|
1. ชื่อของตัวแปรยาวไม่เกิน 40 ตัวอักษร 2. ตัวแปรตัวแรกจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเสมอ A-Z 3. ตัวอักษรตัวถัดไปจะเป็นตัวอักษร A-Z หรือ 0-9 หรือ ( - ) 4. ตัวอักษรตัวสุดท้ายนั้นสามารถที่จะใช้สัญลักษณ์พิเศษเพื่อแสดงถึงความหมายของตัวแปรก็ได้ เช่น %, $, # ,@ ! & 5. ชื่อของตัวแปรจะต้องไม่ซ้ำกับคำเฉพาะ 6. การตั้งชื่อตัวแปรนั้นสามารถที่จะพิมพ์ตัวเล็กหรือพิมพ์ตัวใหญ่ก็ได้ |
รูปแบบ Const ชื่อค่าคงที่ = ค่าที่กำหนด
เช่น Const pi = 3.14
Const VB = “Visual Basic”
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม มี 5 ขั้นตอน ได้แก่การเขียนโปรแกรมกับ Control
- การวิเคราะห์ปัญหา
- การออกแบบโปรแกรม
- การเขียนโปรแกรม
- การทดสอบโปรกรม
- การจัดทำเอกสารประกอบ
ก่อนที่เราจะเริ่มการเขียนโปรแกรมนั้น เราจะต้องทราบถึงวิธีการใช้ Event และ Method ของแต่ละ Control มาประกอบกับคำสั่งและฟังก์ชัน เพื่อให้ได้โปรแกรมที่สมบูรณ์
Method หมายถึง คำสั่งเฉพาะตัวของ Object ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นของ Object ใด Object หนึ่งเฉพาะและที่ใช้กับหลาย Object
Event หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อคลิกเมาส์ เมื่อกดปุ่ม เป็นต้น
คำสั่งของ Visual Basic แบ่งเป็นกลุ่มเรียกว่า procedure โดย event procedure มีคำสั่งที่ประมวลผลเมื่อเกิด event ขึ้น ซึ่ง event procedure จะเป็นตัว control จะเป็นชื่อของตัว control ตามด้วยเส้นใต้ (under score) และชื่อ event เช่น command 1_Click
คุณสมบัติ, เมธอด และ Event
โปรแกรมประยุกต์ตอบสนองกับผู้ใช้ผ่าน คุณสมบัติ, เมธอด และ event ซึ่งมี คุณสมบัติ, เมธอด และ event ร่วม ที่ควรรู้จัก ดังนี้
คุณสมบัติร่วม
1. Left, Top, Width และ Height ใช้จัดตำแหน่งของอ๊อบเจค เช่น การวางฟอร์มที่มุมซ้ายบน มีความกว้าง 5000 twips และสูง 3000 twips
Form1.Left = 0
Form1.Top = 0
Form1.Width = 5000
Form1.Height = 3000
2. ForeColor และ BackColorใช้กำหนดสีของข้อความและสีพื้นหลังของอ๊อบเจค ซึ่งสามารถกำหนดสีเป็นแบบ palette และ system เช่น
กำหนดสีแบบ palette
Label1.ForeColor = vbHighlightText
กำหนดสีแบบ system
Label1.BackColor = &H800000D
3. Font ใช้ กำหนดลักษณะการแสดงตัวอักษร การตั้งค่าคุณสมบัติ Font สามารถใช้ไดอะล๊อกบ๊อกซ์ แต่ในขณะที่กำลังเรียกใช้การกำหนด Font จะยุ่งยากขึ้น เนื่องจาก Font เป็นอ๊อบเจคแบบรวม ประกอบด้วยคุณสมบัติ Name, Size, Bold, Italic, Underline และ StrikeThrough
Text1.Font.Name = "Arial"
Text1.Font.Size = 12
Text1.Font.Bold = True
4. Caption และText ใช้ ในการแสดงข้อความ โดยคุณสมบัติ Caption เป็นข้อความที่ปรากฏภายในตัว control และไม่สามารถแก้ไขได้โดยผู้ใช้เมื่อเรียกใช้โปรแกรม คุณสมบัติ Text ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้
Label1.Caption = "Title"
Text1.Text = "Hello Word"
5. Enabled, Locked และ Visible โดย คุณสมบัติ Visible ใช้กำหนดการมองเห็น คุณสมบัติ Enabled และ Locked กำหนดการเข้าถึงตัว control แต่ต่างกันที่ คุณสมบัติ Enabled ถ้ากำหนดไม่ให้เข้าถึง (Enabled = False) แล้ว ตัว control ไม่สามารถรับโฟกัสได้ ส่วนคุณสมบัติ Locked ถ้ากำหนดไม่ให้เข้าถึง (Locked = True) แล้ว ตัว control ยังสามารถรับโฟกัสได้
Text1.Enabled = (Check1.Value = vbChecked)
Text1.Locked = (Check1.Value = vbChecked)
6. TabStop และ TabIndex ใช้กำหนดลำดับของแท็บ
Label1.Caption = "&Name"
Text1.TabIndex = Label1.TabIndex + 1
7. MousePointer และ MouseIcon ใช้กำหนดไอคอนของเมาส์เมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัว control
Text1.MousePointer = vbCrosshair
เมธอดร่วม
1. Moveใช้ในการย้ายอ๊อบเจคหรือตัว control และมีไวยากรณ์ คือ
[object.]Move Left [, Top, Width, Height]
เช่น การย้ายฟอร์มไปที่มุมซ้ายบน มีความกว้างและความสูงเป็น 2 เท่าของขนาดเดิม
Form1.Move 0,0, Form1.Width*2, Form1.Height * 2
2. Refresh ใช้ ในการวาดตัว control ใหม่ ตามปกติไม่ใช้เนื่องจาก Visual Basic มีการปรับค่าโดยอัตโนมัติ แต่สามารถใช้ได้ในกรณีที่ต้องการให้มีการปรับคุณสมบัติทันที เช่น
Dim i As Integer
For i = 1000 to 1 Step - 1
Label1.Caption = (str(i))
Label1.Refresh
Next
3. SetFocus ใช้ ย้ายโฟกัสไปที่ตัว control ที่ระบุ แต่จะเกิดความผิดพลาด ถ้าตัว control ที่กำหนดเข้าถึงไม่ได้ หรือมองไม่เห็น ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้เมธอดนี้ใน Form_Load event และควรใช้ร่วมกับประโยคคำสั่ง On Error
On error Resume Next
Text1.SetFocus
Event ร่วม
1. Click และ DblClick event Click event จะเกิดเมื่อผู้ใช้กดปุ่มเมาส์ด้านซ้ายบนตัว control และ DblClick event เกิดเมื่อเป็นการปุ่มเมาส์ด้านซ้ายแบบดับเบิลคลิก
2. Change event เป็น event พื้นฐานที่เกิดเมื่อข้อมูลของตัว control มีการเปลี่ยนแปลง
Private Sub Form_Click()
Dim t As Single
IsClick = True
t = Timer
DoEvents
If Not IsClick Then Exit Sub
Loop Until Timer > t + 0.5 Or Timer < t
txtMonitor = "Click event บนฟอร์ม"
End Sub
3. GotFocus และ LostFocus event GotFocus event เกิดขึ้นเมื่อตัว control ได้รับการโฟกัส เช่นเมื่อเมาส์เลื่อนมาถึง และ LostFocus event เกิดเมื่อการโฟกัสออกไปจากตัว control
4. KeyPress, KeyDown และ KeyUp event เป็น event ที่เกิดเพื่อกดปุ่มแป้นพิมพ์ ขณะที่ตัว control ได้รับการโฟกัส โดยมีลำดับดังนี้ KeyDown (เมื่อผู้ใช้กดปุ่มแป้นพิมพ์) KeyPress (Visual Basic แปลปุ่มนั้นเป็นรหัส ANSI) และ KeyUp (เมื่อปล่อยปุ่มแป้นจากพิมพ์)
5. MouseDown, MouseUp และ MouseMove event เป็น event ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการคลิก, ปล่อย หรือย้าย ของเมาส์บนตัว control
คำสั่งตัดสินใจ
If…Then…Else ตัดสินใจเลือกจาก 2 ทางเลือก (เลือก Yes/No)
รูปแบบ If <ทดสอบเงื่อนไขว่าจริง หรือเท็จ> Then
ถ้าเป็นจริงให้ทำงานหลังคำว่า Then
Else
ถ้าเป็นเท็จให้ทำงานหลังคำว่า Else
End If
Select…Case ตัดสินใจเลือกมากกว่า 2 ทางเลือก
การตัดสินใจเลือก จากทางเลือกที่มีมากกว่า 2 ทางเลือก
รูปแบบ Select Case <ทดสอบเงื่อนไข>
Case เงื่อนไขแรก :
<ทำงานตามเงื่อนไขแรก>
Case เงื่อนไขที่สอง :
<ทำงานตามเงื่อนไขที่สอง>
.
.
.
Case สุดท้าย :
<ทำตามเงื่อนไขสุดท้าย>
Case Else
<เมื่อไม่ตรงกับเงื่อนไขใดๆ เลย ทำงานหลังคำว่า Else>
End Select
ฟังก์ชันสำหรับเขียน Program
ฟังก์ชัน หมายถึง ชุดคำสั่ง (Routine) ที่ใช้ช่วยในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการส่งค่าฟังก์ชันต้องการไปให้เพื่อให้ฟังก์ชันคืนค่ากลับมา
คำสั่ง หมายถึงคำสั่งโดยทั่วไปที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น กลุ่มคำสั่ง Branching กลุ่มคำสั่ง Iteration เป็นต้น- ฟังก์ชันที่เกี่ยวกับ String
- ฟังก์ชันที่เกี่ยวกับตัวเลข
- คำสั่งและฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับ Date และ Time
- คำสั่ง MsgBoxฟังก์ชันที่เกี่ยวกับตัวเลข
ชื่อ ประเภท รูปแบบของคำสั่ง หน้าที่ในการใช้งานAsc ฟังก์ชัน Asc(String) แสดงค่ารหัส ASCIi ของอักษรที่ระบุใน String Chr$/Chr ฟังก์ชัน Chr(charcode) แปลงค่ารหัส ASCII ที่ระบุใน Charcode ไปเป็นตัวอักษร Format$/Format ฟังก์ชัน Format(expression.format) กำหนดรูปแบบของ expression ตามรูปแบบที่กำหนดใน format InStr ฟังก์ชัน InStr([start, ]string1,string2[, compare]) หาตำแหน่งของคำ string2 ใน string1 โดยเริ่มจากตำแหน่งที่ start ตามแบบในการเปรียบเทียบที่กำหนดใน compare LCase$/LCase ฟังก์ชัน LCase(string) แปลงตัวอักษรใน string ให้อยู่ในรูปตัวอักษรตัวเล็ก Left$/Left ฟังก์ชัน Left(string,length) ตัดคำของ string จากซ้ายไปขวาตามจำนวนที่ระบุใน length Len ฟังก์ชัน Len(string) แสดงความยาวของคำใน String LSet Lset stringvar =string จัดคำใน String ให้ชิดซ้ายแล้วกำหนดให้กับ Stringvar Ltrin$/Ltrim ฟังก์ชัน Ltrim(string) ตัดช่องว่างใน string จากซ้ายไปขวา Mid$/Mid ฟังก์ชัน Mid(string,start[,length]) ตัดคำใน String จากตำแหน่ง Start ตามจำนวนที่ระบุใน Length Right$/Right ฟังก์ชัน Right(string,length) ตัดคำใน String จากขวาไปซ้ายตามตำแหน่งที่ระบุใน Length Rset คำสั่ง Rset stringvar = string จัดคำใน String ให้ชิดขวาแล้วกำหนดให้กับ Stringvar Rtrim$/Rtrim ฟังก์ชัน Rtrim(string) ตัดช่องว่างของคำใน String จากขวาไปซ้าย Space$/Space ฟังก์ชัน Space(number) แสดงช่องว่างตามจำนวนที่กำหนดใน number Str$/Str ฟังก์ชัน Str(number) แปลงค่าของตัวเลขใน number ให้เป็น String String ฟังก์ชัน String(number,character) แสดงตัวอักษรใน character ซ้ำตามจำนวนที่กำหนดใน number Trim$/Trim ฟังก์ชัน Trim(string) ตัดช่องว่างออกจากคำใน String UCase$/Ucase ฟังก์ชัน UCase(string) แปลงตัวอักษรใน String ให้อยู่ในรูปแบบตัวอักษรตัวใหญ่
คำสั่งและฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับ Date และ Time
ชื่อ ประเภท รูปแบบคำสั่ง หน้าที่Abs ฟังก์ชัน Abs(number) แสดงคำว่า Absolute ของเลขใน number Atn ฟังก์ชัน Atn(number) แสดงค่ามุมของตัวเลขใน number Cos ฟังก์ชัน Cos(number) แสดงค่า Cosine ของตัวเลขใน number Exp ฟังก์ชัน Exp(number) แสดงเลขฐาน E ของตัวเลขใน number Fix ฟังก์ชัน Fix(number) ตัดเศษและแปลงตัวเลขใน number ให้อยู่ในรูปแบบ Integer Hex$/Hex ฟังก์ชัน Hex(number) แปลงค่าของตัวเลขใน number ให้อยู่ในรูปแบบเลขฐาน 16 Int ฟังก์ชัน Int(number) ปัดเศษของตัวเลขใน number ลงเพื่อให้อยู่ใน Integer Log ฟังก์ชัน Log(number) แสดงค่า Logarithm ของตัวเลขใน number Oct$/Oct ฟังก์ชัน Oct(number) แปลงค่าตัวเลขใน number ให้อยู่ในรูปฐาน 8 Randomize คำสั่ง Randomize(number) หา Randow Number ของตัวเลขใน number Rnd ฟังก์ชัน Rnd(number) หา Randow Number ของตัวเลขใน number ซึ่งมีค่าระหว่าง 0 และ1 Sgn ฟังก์ชัน Sgn(number) แสดงเครื่องหมายของตัวเลขใน number Sin ฟังก์ชัน Sin(number) แสดงค่า Sine ของมุมที่กำหนดใน number Sqr ฟังก์ชัน Sqr(number) แสดงค่ารากของตัวเลขที่กำหนดใน number Tan ฟังก์ชัน Tan(number) แสดงค่า Tangent ของมุมที่กำหนดใน number Val ฟังก์ชัน Val(number) แปลงค่าของ String ให้อยู่ในรูปของตัวเลข
คำสั่ง MsgBox
ชื่อ ประเภท หน้าที่การใช้งานCVDate / CDate ฟังก์ชัน เปลี่ยนวันที่จาก String หรือตัวเลขให้เป็น Date Date / Date$ ฟังก์ชัน คืนค่าของวันที่ปัจจุบัน DateSerial ฟังก์ชัน แสดงวันที่ในรูปแบบ Integer DateValue ฟังก์ชัน แสดงวันที่ในรูปแบบ String Day ฟังก์ชัน แสดงวันที่ (1-3) Hour ฟังก์ชัน แสดงชั่วโมง (0-23) Minute ฟังก์ชัน แสดงนาที (0-59) Month ฟังก์ชัน แสดงเดือน (1-12) Now ฟังก์ชัน แสดงวันที่ปัจจุบัน Second ฟังก์ชัน แสดงวินาที (0-59) Time / Time$ ฟังก์ชัน แสดงเวลาปัจจุบัน TimeSerial ฟังก์ชัน แสดงวันที่ในรูปแบบของตัวเลข TimeValue ฟังก์ชัน แปลงเวลาจาก String ไปเป็น Date WeekDay ฟังก์ชัน แสดงวันในสัปดาห์ (1-7) Year ฟังก์ชัน แสดงปี (100-9999)
ชื่อ |
ค่าตัวเลข
|
หน้าที่ในการใช้งาน
|
vbOKOnly |
0
| สำหรับแสดงปุ่ม OK |
vbOKCancel |
1
| สำหรับแสดงปุ่ม OK และ Cancel |
vbAbortRetryIgnore |
2
| สำหรับแสดงปุ่ม Abort, Retry และ Ignore |
vbYesNoCancel |
3
| สำหรับแสดงปุ่ม Yes, No และ Cancel |
VBYesNO |
4
| สำหรับแสดงปุ่ม Yes และ No |
vbRetryCancel |
5
| สำหรับแสดงปุ่ม Retry และ Cancel |
vbCritial |
16
| แสดง Icon "Critical Message" |
vbQuestion |
32
| แสดง Icon "Warning Query" |
vbExclamation |
48
| แสดง Icon "Warning Message" |
vbInformation |
64
| แสดง Icon "Information Message" |
vbDefaultButton1 |
0
| กำหนดให้ปุ่มแรกเป็นปุ่ม Default |
vbDefaultButton2 |
256
| กำหนดให้ปุ่มที่สองเป็นปุ่ม Default |
vbDefaultButton3 |
512
| กำหนดให้ปุ่มที่สามเป็นปุ่ม Default |
vbDefaultButton4 |
768
| กำหนดให้ปุ่มที่สี่เป็นปุ่ม Default |
vbApplicationModal |
0
| กำหนดให้ MsgBox อยู่ในรูป Application Modal ซึ่งเป็น Dialog Box ที่ต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง |
vbSystemModal |
4096
| กำหนดให้ Msgbox อยู่ในรูปแบบ System modal ซึ่งเป็น Dialog Box ที่สามารถทำงานไปพร้อมกับ Windows อื่นได้ |
vbMsgBoxHelpButton |
16384
| แสดงปุ่ม Help |
vbMsgBoxSetForeground |
65536
| กำหนดให้ MsfgBox ไม่ได้เป็น Default Window |
vbMsgBoxRight |
524288
| กำหนดให้ข้อความชิดขวา |
vbMsgBoxRtlReading |
1048576
| กำหนดให้ข้อความปรากฎจากขวาไปซ้ายเพื่อการอ่านใน Hebrew และ Arabic |
การสร้าง Menu
Menu เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง ที่จะสามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลตามที่เราต้องการได้เร็วและไม่เสียเวลาใน การใช้งานกับโปรแกรมนั้น ๆ การสร้าง Menu นั้น ก่อนอื่นเราจะต้องกำหนด Form ที่เราต้องการ
สร้าง แล้วให้เลือกที่ Menu Tools และ Menu Editor ตามลำดับ และมีอีกหนึ่งวิธี คือ คลิกที่
Icon "Menu Editor ใน Toolbar ก็ได้ ดังภาพข้างล่างนี้
จากนั้นเราก็จะได้หน้าต่างสำหรับทำ Menu ดังรูป
Menu เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง ที่จะสามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลตามที่เราต้องการได้เร็วและไม่เสียเวลาใน การใช้งานกับโปรแกรมนั้น ๆ การสร้าง Menu นั้น ก่อนอื่นเราจะต้องกำหนด Form ที่เราต้องการ
สร้าง แล้วให้เลือกที่ Menu Tools และ Menu Editor ตามลำดับ และมีอีกหนึ่งวิธี คือ คลิกที่
Icon "Menu Editor ใน Toolbar ก็ได้ ดังภาพข้างล่างนี้
จากนั้นเราก็จะได้หน้าต่างสำหรับทำ Menu ดังรูป
ส่วนที่น่าสนใจใน Menu นี้ก็จะมี ดังนี้
ตัวอย่าง การสร้าง Menu
Captionใช้สำหรับใส่ข้อความที่ต้องการให้แสดงเป็น Menu Name ใช้สำหรับกำหนดชื่อให้กับเมนู Shortcut ใช้สำหรับกำหนด Hot Key ให้กับ Menu เช่น Ctrl + O Checked ใช้สำหรับกำหนดให้ Menu นั้นเป็นแบบ On/Off (จะเป็นเครื่องหมายถูกอยู่หน้า Menu) Enabled ใช้สำหรับกำหนดให้ Menu นั้นทำงานหรือไม่ Visible ใช้สำหรับกำหนดให้ Menu นั้นแสดงบนจอภาพหรือไม่ Window List ใช้กำหนดว่า Menu ดังกล่าวมี Menu ย่อยหรือไม่
1. เปิด Project ใหม่ขึ้นมา แล้วคลิกที่ Menu Tools และคลิกที่ Menu Editor ตามลำดับ แล้วให้ใส่ข้อความ "&File" ในช่อง Caption และ "Menufile" ลงในช่อง Name ดังรูป
เป็นเมนูย่อย แล้วให้เราใส่ข้อความ "&New" ในช่อง Caption และ "Menunew" ในช่อง Name ดังรูป
4. ทำการ Run ก็จะได้เมนูตามที่เราได้กำหนดไว้